วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

銀色飛行船 (Giniro no Hikousen)
Artist : Supercell 



この道登りきれば
あなたはいつも
欠伸をしながら
そこで待ってた

Kono michi noborikireba
Anata wa itsumo
Akubi wo shi nagara
Soko de matteta

หากเดินขึ้นไปตามถนนสายนี้
เห็นเธอยืนเหม่อขณะเดียวกัน
รออยู่ ตรงนั้นเสมอมา


汐風匂う町で
あなたもあたしも
大人になって組んだ
そう思っていた

Shiokaze niou machi de
Anata mo atashi mo
Otona ni nattekundatte
Sou omotte ita

กลิ่นลมทะเลจากเมืองนั้น
ทั้งเธอ ทั้งฉัน
เราก็เติบโตไปด้วยกัน
ฉันคิดไว้ แบบนั้น

海鳥が鳴いていた
あの夏 あなたと二人帰った道
追いかけて 追いかけて

Umidori ga naite ita
Ano natsu anata to futari kaetta michi
Oikakete oikakete

ฝูงนกทะเล ร่ำร้องเพลงออกมา
ถนนที่เรา กลับบ้านในฤดูร้อนกับเธอ
อยู่ด้วยกัน ตลอดมา 

銀色飛行船 輝く
海だけが変わらないで
あなたが笑った この丘
もう一度あなたに会いたい

Giniro hikousen kagayaku
Umi dake ga kawaranai de
Anata ga waratta kono oka
Mou ichido anata ni aitai

เรือเหาะสีเงิน ส่องแสงประกาย
เพียงทะเลเท่านั้น ที่ไม่เปลี่ยนไป
เธอที่เคยยิ้ม บนเนินเขานี้
อีกสักครั้ง อยากเจอเธอสักอีกครั้ง

自転車かごに鞄
二人分載せて
文句を言いながら
坂道押した

Jitensha kago ni kaban
Futaribun nosete
Monku wo ii nagara
Sakamichi oshita

วางกระเป๋า ไว้ที่จักรยาน
แล้วก็นั่งพัก กันสองคน
พร่ำบ่นกันไป ด้วยกัน
มุ่งลง ต่อไป




この道はまっすぐで 
間違うはずなんかないと思ってた
どこまでも行けるって

Kono michi wa massugu de
Machigau hazu nanka nai to omotteta
Dokomademo ikeru tte

บนถนนเส้นนี้ ถ้าตรงไป
ก็คิดว่าคงไม่หลงทางแน่นอน
ไม่ว่าจะไปที่ไหนกับเธอ ก็ได้ทั้งนั้น


銀色飛行船 飛んでた
あの空を見つけたくて
頬を撫でる風 この丘
もうここには誰もいない

Giniro hikousen tondeta
Ano sora wo mitsuketakute
Hoho wo naderu kaze kono oka
Mou koko ni wa daremo inai

เรือเหาะที่เคยลอยอยู่ ลอยอยู่บนฟ้า
ท้องฟ้าในวันนั้น อยากลองเห็นอีกครั้ง
บนเนินนี้ที่สายลม กำลัง กระทบที่แก้ม
ที่ตรงนี้ไม่มีใคร อยู่อีกแล้ว



誰もいない

Daremo inai

ไม่มีใครอีกแล้ว



陽が落ちて伸びた影法師
あたしはあなたを追いかけた
ずっとあなたのことが好きで
だけどあたしは言えなかった

Hi ga ochite nobita kageboushi
Atashi wa anata wo oikaketa
Zutto anata no koto ga suki de
Dakedo atashi wa ienakatta

ขุนเขาที่ดวงอาทิตย์ตกในตอนนั้น
ฉันเคยตามเธอไป
ฉันแอบชอบเธอเรื่อย
แค่ฉันไม่ได้พูดออกไป


銀色飛行船 輝く
海だけが変わらないで
あなたが笑った この丘
もう一度あなたに会いたい

Giniro hikousen kagayaku
Umi dake ga kawaranai de
Anata ga waratta kono oka
Mou ichido anata ni aitai

เรือเหาะสีเงิน ส่องแสงประกาย
เพียงทะเลเท่านั้น ที่ไม่เปลี่ยนไป
เธอที่เคยยิ้ม บนเนินเขานี้
อีกสักครั้ง อยากเจอเธออีกครั้ง


銀色飛行船 飛んでた
手を振って見送ったあの日
あの道登って今度は
この丘で先に待ってる

Giniro hikousen tondeta
Te wo futte miokutta ano hi
Ano michi nobotte kondo wa
Kono oka de saki ni matteru

เรือเหาะที่เคยลอยอยู่ ลอยอยู่บนท้องฟ้า
เราโบกมือลาในวันนั้น
เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะขึ้นมา บนเขาเนินนี้
จะรอคอยเธอ ที่เนินเขาแห่งนี้



この丘で先に待ってる

Kono oka de saki ni matteru

จะรอคอยเธอ ที่เนินเขาแห่งนี้

__________________________________________________________________________________________________________

อ๊าาาาาาาาาา นานมากไม่ได้อัพ นานๆอัพนี่ไม่ได้ไปไหนนอนอยู่หน้าจอ แต่ไม่รู้จะอัพอะไร @w@

แปลเสร็จตอนตีห้าพอดี มีการแต่งคำแต่งประโยคใหม่และการทำให้เข้ากับบทเพลงเฉยๆ เพราะเวลาแปลออกมาเป็นภาษาไทยแล้ว .... =w=..............

อะฮิ เจอกันบทความหน้าคะ บ๊ะบายยยยยยยยยยยยยยยยย 
//วิ๊งงง


วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

คำสรรพนาม 代名詞(だいめいし)

คำสรรพนาม

代名詞(だいめいし)

         คำสรรพนามมองเป็นไทยๆ ก็เหมือนกันเลยคะ คำที่มีไว้ใช้แทนชื่อคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ เพื่อป้องกันการเรียกซื้อคะ อยากยกตัวอย่างคะ เราจะเรียนชื่อเขาตลอดมันดูแปลๆนะคะ
“ชินทาโร่ซัง โมะ อิคิมาโชวก๊ะ?”
บางทีเราพูดชื่อเขาไปแล้ว เราก็ยังจะพูดชื่อเขาอีกซ้ำสองสามรอบ=[]=! (หรือกรณีใครเรียกแบบนั้นในชีวิตก็แล้วแต่คะ ฮ่าๆ แต่ในที่นี้ เขาไว้ใช้แทนชื่อจริงๆคะ)
          ง่ายๆ เลยทีเดียวคะ ? เช่น ผม ฉัน คุณ เธอ ท่าน เป็นต้น
       Watashi
  私(わたし)ผม/ ฉัน

          -เสริม คำนี้ผู้ชายใช้ก็มีนะคะ? ส่วนมากผู้หญิงใช้ แต่ยังแก้ข้อสงสัยไม่ได้คะ ชอบผู้ชายพูด ผม (โบคุ)มากกว่า -///////- อารมณ์โชตะขึ้นหัวคะ (ไม่เกี่ยวสักนิด)
       Anata
  あなた  คุณ
          -เสริม คุณ? อานาตะ ใช้กับคนที่... คิดว่าจะสุภาพด้วยและควรจะสุภาพด้วย เว้นพ่อ แม่ พี่ ครอบครัวไว้นะคะ แต่มีอีกอย่างใช้คำนี้ได้ คุณสามี (goshujin) ภรรยา (okusan) ยกมากกว่านี้เอาไว้เอนทรี่หน้าดีกว่า แฮะๆ
          -เสริม 2 อย่างที่ว่า? คันจิของตัวนี้มีนะคะ แต่มันจะเห็นไม่เห็น ใช้หรือไม่ใช้แล้วแต่ละมั้งคะ? ฮ่าๆ 貴方 อีกตัวนึงงงงง 貴女 ตัวนี้รู้สึกจะอ่านว่า คิโจ คะ ยังอธิบายไม่ได้เลย รู้สึกงงกับคันจิที่มีคันจิ อนนะ ด้วยแฮะๆ
        Min na san
      みんなさん      ทุกคน
          เสริมคะ ไม่มีซังก็ได้นะคะ แต่ที่ว่าไม่มีใช้กับพวกคนที่สนิทและถูกกาลเทศะ ควรอย่าลืมเติมซังเมื่อต้องสุภาพนะคะ
          -เสริม皆さん

         「たち」
     เห็นทาจิท่องเล่นๆดูคะ ทาจิมีเพื่อนเยอะ (หัวเราะ) การใช้คำนี้ คืออออออ เอาไปเติมหลังคำสรรพนามที่ว่าไป ว่าไปแล้วเหมือนภาษาไทยเลยทีเดียวคะ *0*~
          私達 「わたしたち」 พวกฉัน
          貴方達 「貴方達」  พวกคุณ
          -เสริม นำมาใช้กับเหตุที่จะมีบุคคลที่สอง ที่สาม ไปเรื่อยๆ เป็นพวกกับเรา(สมยอมหรือไม่แล้วแต่คะ 55555)
          次は、私達はどうだった。
     ต่อไปนี้ พวกเราจะเอายังไงต่อดี?
          (ทำเสียงแบบว่า... จะทำไงต่ออะ คิดไม่ออกกกกกกกกกก)

        彼「かれ」  彼女「かのじょ」
  คาเระ          โตะ คาโนโจะ
      เขา(ผู้ชาย)    กับ  หล่อน (ผู้หญิง)

          สองคำนี้นึกไว้คะ มันไม่ใช่บุคคลที่หนึ่ง และที่สอง แต่เป็นบุคคลที่สามที่เราสนใจ พูดขึ้น นึกออก หรือว่าเป็นอะไรที่เราพูดถึง
          彼と一緒にいたい
     Kare to issho ni itai
     อยากอยู่กับเขา
          (ตอนนี้เราออกเสียงเหมือนอยากอยู่กับเขามาก 555)

จบเพียงเท่านี้ละคะ ถ้ายาวกว่านี้ได้อ่านตาแฉะ วันนี้ขอตัวไปนอนละคะ ไม่ได้อัพนานรู้สึกร้างมากกกกกก แต่ไม่เป็นไร ใจสู้5555555 เราไปนั่งสรุปมา คือการที่เขาวางคำกำกวมใช้ผิดหน้าแตกก็อธิบายก่อนได้หน้าแตกกัน ใครเรียนภาษายุ่นอยู่ โชคดีนะค๊า


それから! 頑張って!

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แปลนิทาน : แปลครึ่งๆกลางๆ 20131121


แปลนิทาน : แปลครึ่งๆกลางๆ 鶴の恩返し


むかしむかし、あるところに、おじいさんとおばあさんがいました。
あるとても寒い冬の日、町へたきぎ売りに行きました。
帰り道、わなにかかって いる鶴を助けました。

Mukashi mukashi , aru tokoro ni , ojiisan to obaasan ga imashita.
Aru to[t]temo samui fuyu no hi , machi e takigi o uri ni ikimashita
Kaeri michi , wana ni kakatte irutsu o tasuke mashita

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว สถานที่แห่งหนึ่งมีตากับยาย อาศัยอยู่
เป็นวันที่ค่อนข้างหนาวในฤดูหนาวนั้น ตาได้ไปขายฟืนที่เมือง
ระหว่างทางกลับบ้านได้ช่วยนกกระเรียนตัวหนึ่งที่ติดบ่วงเชือกอยู่

むかしむかし mukashi mukashi คำนี้แปลว่านานมาแล้ว , กาลเวลานานมาแล้ว
*เมื่อเป็นคำว่าむかし เดี่ยวๆจะแปลว่า อดีต

あるところ aru tokoro   สถานที่แห่งหนึ่ง
*ある บาง
*ところ tokoro    สถานที่

おじいさん Ojiisan       คุณตา
おばあさん Obaasan   คุณยาย
がいました ga imashita   แสดงถึงมีชีวิต ใน ณ ที่นี้คือ อยู่ , อาศัยอยู่ (คือทำความเข้าใจมากแบบนี้ ={}=!)
*があります ga arimasu สิ่งไม่มีชีวิต
とても to[t]temo     ค่อนข้าง
寒い samui      อากาศหนาว
  fuyu        ฤดูหนาว
 hi  วัน
売り uri ขาย
 machi เมือง
たきぎ takigi ฟืน
 kaeri กลับ
 ถนน
わな บ่วง,เชือก
かかって kakatte ติด
いる iru tsuru นกกระเรียนตัวหนึ่ง
 ช่วยเหลือ
その夜、とんとん戸をたたく音が聞こえて、開けてみると、美しい娘さんが立っていました。
娘さんは、「雪が降って、道に迷いました。どうか、泊めてください」と言いました。
おじいさんとおばあさんは、「貧しい家ですが、どうぞ、お泊まりください」と言いました。

Sono yoru , tonton to o tataku oto kikoete, akete miruto , utsukushii musume – san ga tatte imashita.
Musume-san wa [yuki ga futte , michi ni mayotte shimai mashita. douka, tomete kudasai] to iimashita.
Ojii - san to obaasan – san  wa [mazushii ie desuga , douzo, o tomarikudasai] to iimashita.

เย็นวันนั้น “ตง ตง” ได้ยินเสียงเคาะประตู พอเปิดประตู มีเด็กผู้หญิงน่ารักยืนอยู่แล้ว
เธอได้กล่าวว่า “หิมะได้ตกลงมา หนูได้หลงทางเสียแล้ว.... ขอที่พักได้ไหมคะ”
ตากับยายได้กล่าวว่า “แม้จะบ้านยากจนไปหน่อย เข้ามาก่อนเถอะ”

その夜 sono yoru ตอนเย็นวันนั้น
とんとん ake เสียงเคาะประตู
 to ประตู
こえて kikoe ได้ยินเสียง (ไม่ใช้กับคนนะ ได้ยินมาจากติวเตอร์ละ//ถ่างตาเปิดดิคไปด้วยตาพล่ามัว)
けてみると akete miruto พอเปิดดู
け ake เปิด
みると miruto พอ
* mi เมื่อรวมกับ るとruto
しい娘さん utsukushii musume-san เด็กผู้หญิงน่ารัก
*しい utsukushii (ต่างกับ kirei รึป่าวนั้นเฮาก็กำลังทำความเข้าใจ +0+)
* musume เด็กผู้หญิง
って dic form  :  立ちる) tatte  (tachiru ) ยืน
しい mazushii ยากจน
 ie บ้าน
*お泊まりください otomarikudasai เค้าไม่แน่ใจเพราะมันประมาณการพักค้าง พักแรม แต่ทีนี้เค้าทำภาษาให้ดูสละสลวยขึ้นเลยแปลเอาแต่ใจตัวเองมากกว่าเดิม ฟุฟุฟุฟุฟุ (ได้ข่าวเอ็งมีคนสอน) 

แปลแค่นี้ก่อนเน๊ะ วันนี้เย็นๆ จะมาเพิ่มเนื้ออีก  
เรียกว่าเนื้อเรื่องนี้เอามาทำความเข้าใจการเชื่อมประโยค การใช้คำเชื่อม คำช่วย form แถมได้ศัพท์มาเป็นลัง(เวอร์แย้วเอ็งงงงงงงงงง) สนุกมากคะ แปลตั้งแต่ตี2 ยันตี3 ตรวจทานอีก แล้วมาแต่งฟอนต์ต่อ ว่าจะไม่มีการพิมพ์เล่น แต่มันก็เล่นจนได้ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ(?)

เดี๋ยวมาต่ออีก ฟุฟุ